สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดูการแสดงละครสดหรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ชอบดูละครเวทีเชื่อว่าจะต้องรู้จักละครเวทีประเภทบรอดเวย์ อย่างแน่นอน หรือในประเทศไทยนั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อละครเพลงนั่นเอง ลักษณะจะเหมือนกับละครเวทีแต่จะใช้การร้องเพลงและการเต้นในการดำเนินเรื่องหลัก และจะมีความแตกต่างจากละครเวทีหรือละครเพลงทั่วไปคือละครบรอดเวย์นั้นจะมีความยิ่งใหญ่ ความอลังการ ในการแสดงมาก ถ้าเปรียบเป็นภาพยนตร์ก็เรียกว่าเป็นภาพยนตร์แบบฟอร์มยักษ์นั่นเอง ซึ่งทักษะการร้องและการเต้นนั้นค่อนข้างสูงมาก และเนื่องจาก เป็นการแสดงสด ดังนั้นการแสดงจึงยากมากกว่าเพราะต้องเล่นแบบลองเทคไม่สามารถผิดพลาดได้ ด้วยความยากของการแสดงในระดับนี้ทำให้ราคาบัตรเข้าชมนั้นแพงมากกว่าราคาบัตรเข้าชมโรงภาพยนตร์ธรรมดาทั่วไปมาก แต่ขอรับรองเลยว่าความรู้สึกจากผู้ชมที่ได้ดูการแสดงแบบสดนั้นมันสุดยอดมากกว่าการดูผ่านจอแบบเทียบไม่ติดอย่างแน่นอน  ความอลังการ และละครเพลงเริ่มต้นมาจากที่ใด ที่มาของชื่อละครบรอดเวย์นั้น เนื่องจากจุดเริ่มต้นนั้นอยู่ที่ถนนสายหนึ่งในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เรียกว่าถนนบรอดเวย์ บริเวณนั้นเต็มไปด้วยโรงละครเพลงแสดงสด มีทั้งละครโรงเล็ก ละครโรงใหญ่ ใครที่ผ่านไปย่านนั้นถึงไม่ได้ตั้งใจไปดูแต่ก็ไม่วายต้องเผลอใจเข้าโรงละครที่ไหนไปซักแห่ง จึงเป็นที่นิยมเรียกละครเพลงที่เป็นละครเวทีกันติดปากว่า ละครบรอดเวย์  ในประเทศอังกฤษก็มีแหล่งรวมโรงละครเพลงแบบนี้เช่นกันชื่อว่าย่านเวสต์เอนด์ ดังนั้นคนอังกฤษจะรู้จักกันในนาม ละครเวสต์เอนด์ วันนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักละครบรอดเวย์หรือละครเวสต์เอนด์ให้มากยิ่งขึ้นกันค่ะ ถูกพัฒนามาแบบยุคต่อยุค การแสดงละครเพลงนั้นพัฒนามาจากเวทีแสดงเพลงโอเปร่าที่มีมาเนิ่นนานแล้ว ในยุคแรกนั้นการแสดงของโรงละครย่านบรอดเวย์ จะเป็นการแสดงแบบการเต้นบัลเล่ต์ประกอบเรื่องราวและในการร้องเพลงจะใช้การร้องแบบโอเปร่าร่วมกับการแสดง โดยเรื่องราวในยุคแรกจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและเป็นการแสดงที่เป็นแนวอิงจินตนาการมากกว่าความเป็นจริง ยุคต่อมามีการพัฒนาให้อิงกับความเป็นจริงมากขึ้นมีการเขียนบทละครแล้ววางเค้าโครงเรื่องให้รู้สึก ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง มีการนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในขณะนั้นมาสอดแทรกเป็นเรื่องราวล้อเลียน มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอเรื่องราวจากเพลงโอเปร่าเป็นเพลงป๊อบ และการเต้นประกอบนั้นเปลี่ยนจากการเต้นบัลเล่ต์ใช้เป็นการเต้นรำทั่วไปสำหรับเชื่อมต่อเรื่องราวและเปลี่ยนฉากเพื่อให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น  ยุคต่อมาหลังจากนั้นมีการพัฒนาให้เนื้อเรื่องคล้ายบทละครในปัจจุบันและมีความหลายหลายของเนื้อเรื่องที่นำเสนอมากขึ้น เนื้อหาเรื่องราวมีทั้งการสะท้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงและเรื่องราวที่ถูกนำมาจากบทกวี จนกระทั่งมาถึงยุคล่าสุดคือยุคปัจจุบันทุกอย่างถูกทำให้เป็นการแสดงแบบโอเวอร์แอคติ้งยิ่งใหญ่อลังการไปหมดไม่เว้นแม้แต่ฉากประกอบ เรื่องราวมีความหลากหลายทุกแนว และแต่ละเรื่องไม่ได้จบแบบสวยหรูมีความสุขหรือเป็นที่ยอมรับจากสังคมเสมอไป ส่วนเพลงที่ใช้ดำเนินเรื่องประกอบการแสดงก็มีหลากหลายแนวเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นแนวเพลงป็อบหรือโอเปร่าเหมือนในอดีต บางเรื่องมีแม้กระทั่งนำแนวร็อคแอนด์โรลมาประกอบ ทำให้คนดูสนุก และมีหลากหลายแนวให้เลือกดูมากขึ้น

บทละครเพื่อการศึกษา ปัจจุบันนั้นมีละครเวทีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นการ ละครเวทีในการแสดงหรือกระทั่งละครเวทีแสดงด้วยเสียงเพลง เป็นการสื่อสารให้คนดูนั้นได้ชื่นชมผลงานต่างๆที่เกิดขึ้นจากนักแสดง และที่สำคัญแล้วสำหรับละครเวทีมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ทำไมเราถึงเห็นมหาวิทยาลัยต่างๆในโรงเรียนต้องการให้ความสำคัญกับละครเวที การทำกิจกรรมนี้จะทำให้เด็กนักเรียนนั้นเกิดความสามัคคีความคิดสร้างสรรค์ในการดำเนินเรื่องต่างๆให้ผู้ชมนั้นและมีความสุขกับการรับชม  บทละครเพื่อการศึกษา การพัฒนาการศึกษา ต้องยอมรับเลยว่าการที่มีละครเวทีในหมู่โรงเรียนนั้น มันจะทำให้การพัฒนาทางด้านศึกษานั้นไปค่อนข้างคิดทางที่ดีเลย จึงทำให้หลายโรงเรียนนั้นให้ความสำคัญกับการแสดงเป็นอย่างมาก เพื่อให้เยาวชนนั้นได้พัฒนาไปใช้ในอนาคต เพราะว่าการเล่นละครเวทีนั้นจะมีการพูดคุยกับบทบาทต่างๆ แล้วมันจะมีประโยชน์อีกด้วยกับการแฝงข้อคิดมาให้เพื่อนๆ บทบาทของตัวละคร มันจะทำให้บทบาทของตัวละครแต่ละตัวละครนั้นมีความแตกต่างและ มีความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างกันในการใช้ชีวิต ในบทละครนั้น และมันจะทำให้เราสามารถทบทวนเรื่องราวต่างๆจากบทละครนั้นไปสู่ในชีวิตจริงเราด้วยในการใช้ชีวิต เพื่อปรับใช้ให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน บทละครสอนเรามากมายอยู่ที่คนนั้นจะไปปรับใช้อย่างถูกวิธีหรือไม่ สะท้อนสังคม บางกลุ่มนักเรียนโรงเรียนในแต่ละที่นั้นก็มีความคิดแตกต่างกันเพื่อให้เกิดมุมมองอีกด้านหนึ่งของมุมนักเรียน เพื่อให้พวกผู้ใหญ่นั้นสามารถรับรู้สิ่งที่เขาแสดง ว่ามันกระทบสังคมอะไรบ้างในความคิดของวัยเด็ก เชื่อเลยว่าสมองของคนรุ่นใหม่นั้นย่อมดีกว่าสมองคนรุ่นเก่า แต่ก็มีเรื่องบางเรื่องเท่านั้นที่อาจจะผู้ใหญ่นั้นอาจจะอาบน้ำร้อนมาก่อน แต่มันก็ทำให้เด็กมันกล้าแสดงออกในความคิดของเขา

ซึ่งกันจัดกิจกรรมการแสดงบทบาทสมมุติ จะทำให้เกิดการเรียนรู้โดยใช้บทบาทสมมติให้กับ สำหรับเด็กปฐมวัย ให้เด็กนั้นเกิดการคิดที่จะตอบสนองช่วยให้ส่งเสริมให้เด็กได้มีการพัฒนาในช่วงปฐมวัยได้ดี เพราะเด็กในช่วงวัยนี้จะมีการเจริญเติบโตทางด้านสมองและพัฒนาการค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นทักษะในการสื่อสารเป็นการสวมบทบาทให้เด็กนั้นมีจินตนาการ โดยจะมีครูและผู้ปกครองช่วยกันสร้างบทบาทนี้ขึ้นมา เพื่อให้เด็กนั้นรู้จักคำพูดหรือท่าทางต่างๆได้ดีเมื่ออยู่ในสถานการณ์ขณะนั้น ถือว่าเป็นการเรียนที่สำคัญเลยกับการเรียนรู้จะทำให้มีประสิทธิภาพในการเรียน สำหรับเด็กปฐมวัย  การจัดกิจกรรมบทบาทสมมติจะทำให้เด็กนั้นมีความคิดเองและพัฒนาการทางด้านร่างกาย การสื่อสารที่เขาคิดเองการเรียนรู้ที่มาจากบทบาท จะช่วยให้เด็กการเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น จะทำให้เขาเข้าใจรูปแบบการใช้ชีวิตในอนาคตด้วยตนเอง ต้องบอกเลยว่าการจัดกิจกรรมสวมบทบาทนี้จะทำให้เด็กนั้น มีจินตนาการที่สร้างสรรค์ เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับเด็กปฐมวัยที่ควรจะต้องมีความรู้ทางด้านนี้หรือทักษะที่สำคัญ ประโยชน์ของการจัดกิจกรรม ส่งเสริมพัฒนาความจำให้เด็กนั้นเวลาทำอะไรจะได้จำได้ง่ายขึ้นหรือจำตัวละครของตัวเองที่ตัวเองเล่น เล่นตามบทบาทที่ถูกกำหนดไว้ไม่ให้เกินกว่าบทบาทกันเอง แล้วจะทำให้เด็กนั้นจำในสิ่งที่จำมากยิ่งขึ้นในการใช้ชีวิต หรือการจดจำการเคลื่อนไหวพฤติกรรมต่างๆจากบทบาทตัวละคร เราลองนึกถึงตอนเราวัยเด็กที่เราชอบเล่นตามบทบาทเล่นกับตัวเองคือการจินตนาการ แต่ต้องบอกเลยว่าเราควรดูอยู่ห่างๆคอยสอนทีเล็กทีละน้อยเพื่อให้เกิดความจำ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การแสดงบทบาทสมมุติจะทำให้เด็กนั้นเกิดการคิดเองในการเล่นให้สร้างสรรค์กับบทบาทที่เด็กเล่น ทำให้เด็กนั้นคิดได้อยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่นเด็กเล่นเป็นคนขายของ เด็กจะเกิดความคิดในการจัดแต่งร้านและขายเมื่อลูกค้ามา แล้วจะทำให้เด็กนั้นรู้ว่าเวลาซื้อของจะต้องจ่ายตังค์และถอนตังค์…

ในปัจจุบันนั้นมีวัยรุ่นจำนวนมากที่มีความต้องการอยากมีอาชีพเป็น นักแสดง เพราะว่าอาชีพนักแสดงเป็นการหารายได้ที่มากมาย ก็ได้แต่ก็ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ต้องการเข้าสู่เส้นทางการบันเทิงนั้นเกิดจากอะไรอาจเป็นเพราะว่ามีใจในการรักในการแสดงหรือทำตามกระแสความนิยม บางคนคิดว่าการมีอาชีพนักแสดงนั้นเป็นอาชีพที่สบายไม่ต้องใช้สมองในการทำงาน แต่จริงๆแล้วความเป็นนักแสดงนั้นไม่ได้ประสบความสำเร็จแบบง่ายๆเลย นักแสดง ต้องเจอกับอะไรบ้าง อย่างแรกเลยที่คุณต้องเจอคือความเหนื่อยทำงานไม่เป็นเวลาบางทีก็เลิกกองมืดหรือต้องทำงานแต่เช้ามืดการเดินทางไกลไปต่างจังหวัดต่างๆเพื่อไปถ่ายทำ ดังนั้นถ้าใจคุณไม่รักจริงไม่มีความสำเร็จอย่างแน่นอน การทำงานในกองถ่ายนั้น มีคนอีกเยอะมากมายต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ คืออาชีพนักแสดงนั้นไม่จำกัดอายุบางครั้งอาจจะมีเด็กวัยรุ่นที่ยังมีการศึกษาอยู่ทำให้คุณต้องเรียนไปด้วยทํางานไปด้วยนั่นหมายความว่าคุณจะเหนื่อยมากๆ คุณควรมีความรับผิดชอบอย่างมากเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่างๆ การพัฒนาตนเอง เราควรพัฒนาไม่ว่าจะเป็นฝีมือรายการแสดงให้ออกมาดีนั้นคุณต้องทำหน้าที่ของคุณไปให้เขาเห็นว่าเรานั้นตั้งใจมีความพัฒนาซึ่งจะทำให้คุณมีงานแสดงอย่างต่อเนื่อง จริงๆแล้วนักแสดงต้องมีหน้าที่มากกว่า 1 อย่างไม่ว่าจะเป็นการ เล่นตลกมุกขำๆหรือในการร้องเพลงเต้นรำได้อะไรประมาณนี้ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ใหญ่หลายคนเห็นคุณสมบัติในตัวเรายิ่งมีความสามารถเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสมากในการได้บทใหม่ๆกับการแสดงละคร หากคุณไม่ได้ตั้งใจเพื่อพัฒนาหรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอาจจะทำให้คุณไม่ประสบความสำเร็จ การวางตัวในสังคม การที่คุณเป็นบุคคลสาธารณะนั้น เราต้องวางตัวในสังคมกลายเป็นตัวต้นแบบของสังคมไปโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด เวลาเราทำอะไรเราควรคิดให้ดีก่อนจะทำ ถ้าหากคุณไม่วางตัวในสังคมดีนั้น ไม่ควรมาทำอาชีพการเป็นนักแสดงเลย คุณก็รู้อยู่ว่าเดี๋ยวนี้โลกโซเชียลโคตรเร็วเลยทำอะไรไม่ดีหน่อยนี่เต็ม…